ประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว
 
บริษัท กรุงไทย มิซูโฮ ลีสซิ่ง จำกัด (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “บริษัทฯ”) ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อันรวมถึงพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (ต่อไปนี้จะเรียกว่า “พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมทั้งกฎหมายและข้อบังคับอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (เรียกรวมกันว่า “กฎหมายฯ”) เพื่อให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเชื่อมั่นว่า บริษัทจะดูแลรักษาข้อมูลส่วนบุคคลและจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม
 

1.  วัตถุประสงค์และขอบเขต
  • เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  • นโยบายฯ ฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 โดยบริษัทฯ จะตรวจสอบผลการบังคับใช้ของนโยบายฯ นี้เป็นครั้งคราว และอาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งทางบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบ
  • นโยบายฯ ฉบับนี้มีผลใช้บังคับกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (ตามที่ได้นิยามไว้ด้านล่าง) โดยบริษัทฯ ที่อยู่ในราชอาณาจักรไทย หากพบการกระทำที่ผิดกฎหมายฯ หรือถือเป็นการละเมิดนโยบายฯ ฉบับนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการอย่างเคร่งครัดและถึงที่สุด รวมทั้งจัดให้มีบทลงโทษที่เหมาะสม
 
2.  คำจำกัดความ 

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ อาทิ
  • ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด สถานภาพสมรส เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง
  • ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ไอดีไลน์
  • ข้อมูลทางการเงิน เช่น ประวัติทางการเงิน รายการทรัพย์สิน 
  • ข้อมูลการทำธุรกรรม เช่น การกู้ยืมเงิน การลงทุน 
  • ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ เช่น IP address, Cookie ID
  • ข้อมูลอื่นๆ เช่น การใช้งานเว็บไซต์ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายฯ
 
อย่างไรก็ดี ข้อมูลต่อไปนี้ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลสำหรับการติดต่อทางธุรกิจที่ไม่ได้ระบุถึงตัวบุคคล อาทิ ชื่อบริษัท ที่อยู่ของบริษัท เลขทะเบียนนิติบุคคลของบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทฯ  ที่อยู่อีเมล (email address) กลุ่มของบริษัท เช่น [email protected] หรือข้อมูลนิรนาม (anonymous data) เป็นต้น
 
“ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคล แต่มีความละเอียดอ่อนและอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพทั้งในอดีตและปัจจุบัน และปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพในอนาคต รวมทั้งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรค การผ่าตัดและขั้นตอนการรักษา สภาพร่างกายและจิตใจ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรมจีโนม (genome) ข้อมูลชีวภาพ รวมถึงข้อมูลพันธุกรรม (DNA) ลายนิ้วมือ ข้อมูลใบหน้า ข้อมูลรูม่านตา และข้อมูลหมู่เลือดหรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
 
“เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดาที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
 
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งในที่นี้ คือ บริษัท กรุงไทย มิซูโฮ ลีสซิ่ง จำกัด
 
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตามคำสั่งหรือในนามของบริษัทฯ ทั้งนี้ไม่รวมถึงพนักงานของบริษัทฯ
 
3. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

3.1  การเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ มีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล โดยจัดเก็บข้อมูลเท่าที่จำเป็นและเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบและ/หรือขอความยินยอมก่อนเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล อีเมล (e-mail) หมายเลขโทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่ ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงตามสัญญาและสถานภาพการมีหนี้ และข้อมูลการชำระหนี้  เป็นต้น และบริษัทฯ จะไม่เก็บรวมรวมข้อมูล ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหากเจ้าของข้อมูลไม่ให้ความยินยอม ยกเว้นในกรณีที่บริษัทฯ สามารถทำได้ตามที่กฎหมายฯ อนุญาต
 
3.2  การขอความยินยอม
1) บริษัทฯ จะแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยแยกส่วนอกจากข้อความอื่นอย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร มีแบบหรือข้อความที่เข้าถึงได้ง่าย ใช้ภาษาที่อ่านง่าย ไม่เป็นการหลอกลวงหรือทำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใจผิดในวัตถุประสงค์ดังกล่าว
2) เจ้าของข้อมูลสามารถเลือกได้อย่างชัดเจนว่าจะให้ความยินยอมสำหรับวัตถุประสงค์ใดบ้างและเพื่อความเป็นอิสระในการให้ความยินยอม บริษัทฯ จะไม่มีเงื่อนไขในการให้ความยินยอมเพื่อเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นหรือเกี่ยวข้องสำหรับการทำสัญญาหรือการให้บริการ
3) จัดเก็บบันทึกความยินยอมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล และการถอนความยินยอมเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลร้องขอให้ดำเนินการ
 
3.3 วัตถุประสงค์ในการเก็บ การนำไปใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
1) บริษัทฯ ทำการข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อทำการเก็บ นำไปใช้ และ/หรือเปิดเผย เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
ก. ให้บริการสินเชื่อของบริษัทฯ เช่น ลีสซิ่ง เช่าซื้อ แฟคทอริ่ง เป็นต้น ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงงานดังต่อไปนี้
  • อำนวยความสะดวกให้ท่าน และการจัดการอื่นๆ เช่น การจดทะเบียนทรัพย์สิน การทำประกันภัย และเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงระหว่างบริษัทฯ และท่านแต่ละรายภายใต้สัญญาที่เกี่ยวข้อง
  • จัดการและดำเนินการจดทะเบียนรถ ทำประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ต่อทะเบียน และเสียภาษีรถยนต์ประจำปี
ข. ดำเนินการจัดการที่เกี่ยวข้องกับการบังคับการทวงถามหนี้ อันเกิดจากการผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นภายใต้ และ/หรือเกี่ยวข้องกับสัญญาสินเชื่อของบริษัทฯ  เช่น ลีสซิ่ง เช่าซื้อ แฟคทอริ่ง เป็นต้น ซึ่งการจัดการดังกล่าวอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง การคำนวณยอดรวมของหนี้ ขั้นตอนการยืนยันตัวตน การค้นหา     ที่อยู่ การแจ้งให้ทราบถึงยอดค้างชำระ การติดตามเงินค้างชำระ การยื่นแจ้งเอกสาร ขั้นตอนการทวงถามหนี้ การโอนเงินทุนที่ได้รับมา การอายัดทรัพย์ เป็นต้น
ค. จัดให้มีการรักษาความปลอดภัยในการคุ้มครองข้อมูล
ง. จัดการคำถามและคำร้องของท่าน
จ. ทำการตรวจสอบ (due diligence) และการระบุตัวตนท่าน ให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบังคับ และนโยบายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนโยบายภายในของบริษัทฯ
ฉ. เก็บรวบรวมและเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง การสมัครขึ้นทะเบียน การจัดการเรื่องใบอนุญาต การขออนุญาต การจัดการใบประกาศหรือใบรับรอง การให้อำนาจ (authorization) การรับรอง (acknowledgement) การจัดการภาษี หรือขั้นตอนใด ๆ ที่ต้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทำการลงลายมือชื่อเพื่อรับรอง หรือเพื่ออาศัยอำนาจจากเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวในการดำเนินการเพื่อบริษัทฯ หรือเกี่ยวข้องกับบริษัทฯ
ช. เก็บบันทึกข้อมูลในการติดต่อกับคู่ค้า
ซ. เปิดเผยข้อมูลของท่านตามที่ท่านอนุญาต หรือตามที่กฎหมายระบุไว้ เช่น การเปิดเผยข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวน หรือจำเป็นเพื่อใช้ตามสิทธิของบริษัทฯ หรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญา หรือเป็นไปตามข้อบังคับตามกฎหมาย

(รวมกันเรียกว่า “วัตถุประสงค์ฯ”) ทั้งนี้ รายการการประมวลผลข้อมูลด้านบนไม่สามารถระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการประมวลผลทั้งหมดของบริษัทฯ ได้ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ พยายามอย่างเต็มที่ในการแจกแจงกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ครบถ้วนให้มากที่สุด

2) บริษัทฯ อาจมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปให้กับบริษัทในเครือ หรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ให้บริการภายนอกที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อให้ผู้ให้บริการดังกล่าวสามารถดำเนินการหรือประกอบกิจกรรมบางอย่างแทนบริษัทฯ เช่น บริการจัดเก็บข้อมูล ทั้งที่เป็นระบบคลาวด์ (cloud storage) และไม่ใช่ระบบคลาวด์ (non-cloud storage) บริการสรรหาบุคลากร  การจัดการค่าตอบแทนสุทธิ (payroll) บริการการวิเคราะห์ และการช่วยเหลือเบ็ดเตล็ด หรือในกรณีที่เป็นภาระผูกพันตามกฎหมาย หรือมีความชอบธรรมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เช่น การตรวจสอบ (audit) การขายกิจการ หรือการปรับโครงสร้างองค์กร (restructuring) บริษัทฯ จะโอน และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวโดยใช้ฐานเดิมตามที่ได้แจ้งให้ท่านทราบ หรือได้รับความยินยอมจากท่านแล้ว โดยบริษัทฯ จะตรวจสอบให้มั่นใจว่าการโอนข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีการรองรับด้วยมาตรการการคุ้มครองที่เทียบเท่ากับมาตรการการคุ้มครองภายใต้กฎหมายฯ และมาตรฐานของบริษัทฯ

3) บริษัทฯ อาจมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปให้กับบริษัทในเครือ หรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ให้บริการภายนอกที่อยู่ทั่วโลก เพื่อให้ผู้ให้บริการดังกล่าวสามารถดำเนินการหรือประกอบกิจกรรมบางอย่างแทนบริษัทฯ เช่น บริการจัดเก็บข้อมูล ทั้งที่เป็นระบบคลาวด์ (cloud storage) และไม่ใช่ระบบคลาวด์ (non-cloud storage) บริการสรรหาบุคลากร  การจัดการค่าตอบแทนสุทธิ (payroll) บริการการวิเคราะห์ และการช่วยเหลือเบ็ดเตล็ด หรือในกรณีที่เป็นภาระผูกพันตามกฎหมาย หรือมีความชอบธรรมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เช่น การตรวจสอบ (audit) การขายกิจการ หรือการปรับโครงสร้างองค์กร (restructuring) ในกรณีที่บริษัทฯ ใช้ฐานสัญญาในการประมวลผลเพื่อประกอบกิจการใด บริษัทฯ จะใช้ฐานสัญญาตามเดิมเพื่อการโอนข้อมูลไปนอกประเทศ และ/หรือการประมวลผล ทั้งนี้ ในกรณีของการโอนหรือการประมวลผลโดยไม่ใช้ฐานสัญญา ทางบริษัทฯ อาจใช้มาตรการอื่นใดที่ได้รับการรับรองทางกฎหมาย หรืออาจใช้ฐานความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้ในแบบฟอร์มขอความยินยอมสำหรับบุคลากรภายนอก โดยบริษัทฯ จะตรวจสอบให้มั่นใจว่าการโอนข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีการรองรับด้วยมาตรการการคุ้มครองที่เทียบเท่ากับมาตรการการคุ้มครองภายใต้กฎหมายฯ และมาตรฐานของบริษัทฯ
 
3.4  การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล (personal data retention)
1) บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายและธุรกิจ และบริษัทฯ จะเลิกเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นทันทีหากพิจารณาว่าสมเหตุสมผลที่จะสรุปว่าการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแล้ว และการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่จำเป็นต่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายและทางธุรกิจอีกต่อไป ปัจจุบัน นโยบายของบริษัทฯ คือ บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบางส่วนเป็นระยะเวลา สิบ (10) ปี หรือมากกว่านั้น หลังจากการเข้าทำสัญญาหรือธุรกรรมล่าสุด ซึ่งการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอาจมีกระบวนการจัดทำข้อมูลนิรนาม (anonymization) ที่นำมาปรับใช้ และต้องสอดคล้องกับนโยบายการเก็บรักษาและการทำลายเอกสารของบริษัทฯ และกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
2) บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบหากนโยบายหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ ของท่านมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายปัจจุบัน หรือในทางอื่นใดที่เกี่ยวข้องและจำเป็นต้องแจ้งให้ท่านทราบ
 
4. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล


4.1  สิทธิขอถอนความยินยอม : หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ให้ความยินยอมให้บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ให้ไว้ก่อนวันที่พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัทฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่
 
ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ หรือบริการต่างๆ เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม
 
4.2  สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ และสามารถขอให้บริษัทฯ ทำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่านรวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยว่าได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
 
4.3  สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบริษัทฯ ได้ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
 
4.4  สิทธิขอคัดค้าน : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาด หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ ในเวลาใดก็ได้ ยกเว้น หากการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทฯ จะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทฯ สามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี
4.5  สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทฯ หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฯ ฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
 
4.6  สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทฯ หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้แทน
 
4.7  สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
 
4.8  สิทธิร้องเรียน : เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
 
4.9  การใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทฯ อาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากบริษัทฯ ปฏิเสธ คำขอข้างต้น บริษัทฯ จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย
 
4.10  หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฯ ฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่านช่องทางดังนี้

 
สถานที่ติดต่อ : บริษัท กรุงไทย มิซูโฮ ลีสซิ่ง จำกัด
98 อาคารสาทรสแควร์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์ ชั้น 33 ห้องเลขที่ 3307-3313  
ถนนสาทรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร 10500

โทรศัพท์        02-009-0888